เครดิตบูโร คืออะไร? ทำไมต้องเช็คเครดิตบูโรก่อนกู้สินเชื่อบ้าน
การซื้อบ้านเป็นการใช้เงินก้อนใหญ่ หลาย ๆ คนจึงเลือกวิธีการยื่นขอสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์กับสถาบันการเงิน เพื่อให้มีโอกาสได้เป็นเจ้าของบ้านเร็วขึ้น แต่การยื่นสินเชื่อนั้นสถาบันการเงินอาจจะมีการเช็คเครดิตบูโรหรือข้อมูลประวัติทางการเงินเพื่อประเมินความน่าเชื่อถือ และประกอบการการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้กับเรา แต่เราสามารถเช็คเครดิตบูโรก่อนกู้ซื้อบ้านด้วยตัวเองง่าย ๆ เพื่อให้เข้าใจสถานะทางการเงินของตัวเอง และเป็นการเตรียมตัวเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อนั่นเอง วันนี้เราจึงจะขอพาทุกคนมาเรียนรู้วิธีเช็คเครดิตบูโรอย่างง่าย ๆ ที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเองกัน
เช็คเครดิตบูโร ต้องดูข้อมูลอะไรบ้าง
การเช็คเครดิตบูโรเราจะได้เห็นข้อมูลสำคัญหลายอย่างที่สถาบันการเงินใช้ประเมินความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ ซึ่งปัจจุบันข้อมูลเครดิตประกอบด้วยข้อมูล 2 ส่วนหลัก ๆ คือ
- ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงตัวตนลูกค้า เช่น ชื่อ ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด สถานภาพการสมรส อาชีพ เลขที่บัตรประชาชน และกรณีที่เป็นนิติบุคคลจะเป็น ชื่อ สถานที่ตั้ง เลขที่ทะเบียนนิติบุคคล เป็นต้น
- ข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติและประวัติการชำระสินเชื่อ ประวัติการชำระเงินหรือยอดหนี้คงค้างทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อประเภทอื่น ๆ เพื่อดูว่าเราชำระหนี้ตรงเวลาหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลการขอสินเชื่อในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งบ่งบอกถึงความถี่ในการขอสินเชื่อของเราและประวัติการเป็นผู้ค้ำประกัน
3 วิธีเช็คเครดิตบูโรง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
ในปัจจุบันการเช็คเครดิตบูโรไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เรามีหลายช่องทางที่สะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้แอปพลิเคชันบนมือถือ หรือการเดินทางไปที่ศูนย์ข้อมูลเครดิต เรามาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
เช็คเครดิตบูโรผ่านแอปเป๋าตัง
แอปเป๋าตังเป็นหนึ่งในช่องทางที่สะดวกที่สุดในการเช็คเครดิตบูโร เราสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสมาร์ทโฟน เพียงแค่เปิดแอปเป๋าตัง แล้วทำตามขั้นตอน ดังนี้
- เลือก “เป๋าตังเปย์ “
- เลือกบริการ ‘ตรวจเครดิตบูโร’
- เลือกประเภทรายงานที่ต้องการ
- เลือกช่องทางการรับรายงาน
- ตรวจสอบยอมรับเงื่อนไขและยืนยันข้อมูล
- ยืนยันการชำระเงิน ถือว่าทำรายการสำเร็จ
เราจะได้รับรายงานเครดิตบูโรรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (NCB e-Credit Report) ทางอีเมลภายใน 24 ชม. (*เป็นไปตามเงื่อนไขที่เครดิตบูโรกำหนด) และรับรายงานทางไปรษณีย์ลงทะเบียน (ภายใน 7 วันทำการ) ส่วนค่าใช้จ่าย รายงานข้อมูลเครดิต 150 บาท รายงานข้อมูลเครดิตและเครดิตสกองริ่ง 200 บาท
เช็คเครดิตบูโรผ่านศูนย์ตรวจเครดิตบูโร
สำหรับใครที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกหรือคำแนะนำเพิ่มเติม การเดินทางไปที่ศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือ NCB เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เราสามารถเดินทางไปที่สำนักงานใหญ่หรือสาขาที่ใกล้บ้าน โดยนำบัตรประชาชนตัวจริงไปด้วย เจ้าหน้าที่จะช่วยเราในการตรวจสอบข้อมูลเครดิต และอธิบายรายละเอียดในรายงานให้เราเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ หากเราพบข้อผิดพลาดในรายงาน เราสามารถแจ้งแก้ไขได้ทันที วิธีนี้อาจใช้เวลามากกว่าแต่เหมาะสำหรับเราที่ต้องการคำแนะนำแบบตัวต่อตัว
เช็คเครดิตบูโรผ่านแอปฯ ธนาคาร
ธนาคารหลายแห่งในปัจจุบันได้เพิ่มบริการตรวจสอบเครดิตบูโรในแอปพลิเคชันของธนาคารเอง ทำให้เราสามารถเช็คเครดิตบูโรได้สะดวกยิ่งขึ้น หากเรามีบัญชีธนาคารและใช้แอปของธนาคารอยู่แล้ว เราสามารถเข้าไปที่เมนูบริการพิเศษหรือเมนูสินเชื่อ แล้วเลือกตรวจสอบเครดิตบูโร ระบบจะดึงข้อมูลส่วนตัวของเราที่มีอยู่ในฐานข้อมูลธนาคารมาใช้ ทำให้ไม่ต้องกรอกข้อมูลใหม่ทั้งหมด วิธีนี้สะดวกและปลอดภัย เพราะผ่านการยืนยันตัวตนกับธนาคารแล้ว
ข้อมูลเครดิตจัดเก็บในระบบนานแค่ไหน
สถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิตมีหน้าที่นำส่งข้อมูลสินเชื่อของลูกค้าแต่ละรายให้บริษัทข้อมูลเครดิตเป็นรายเดือน ไปจนกว่าสินเชื่อนั้นจะได้รับการชำระเสร็จสิ้น ในกรณีที่ลูกค้าผิดนัดชำระหนี้และค้างชำระเกิน 90 วัน สถาบันการเงินจะส่งข้อมูลสินเชื่อคงค้างให้บริษัทข้อมูลเครดิตต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่ค้างชำระเกิน 90 วัน บริษัทข้อมูลเครดิตจะเก็บข้อมูลเครดิตที่ได้รับจากสถาบันการเงินไว้ในฐานข้อมูลต่อไปอีกเป็นเวลาไม่เกิน 3 ปี นับจากวันที่บริษัทข้อมูลเครดิตได้รับข้อมูลจากสถาบันการเงิน ดังนั้น การชำระหนี้บัตรเครดิตหรือการชำระสินเชื่ออย่างสม่ำเสมอและตรงเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่อาจทำให้การอนุมัติสินเชื่อครั้งถัดไปง่ายมากขึ้น
การเช็คเครดิตบูโรเป็นขั้นตอนสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามก่อนยื่นขอสินเชื่อบ้าน ไม่ว่าเราจะเลือกวิธีเช็คผ่านแอปเป๋าตัง ศูนย์ข้อมูลเครดิต หรือแอปฯ ธนาคาร ทั้งหมดช่วยให้เราเข้าใจสถานะทางการเงินของตัวเองได้ดีขึ้น การรู้ข้อมูลเครดิตของตัวเองช่วยให้เราวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อบ้านในอนาคต